Menu Close

พิพิธภัณฑ์เทศกาลคาวาโกเอะ (Kawagoe Festival Museum)

พิพิธภัณฑ์เทศกาลคาวาโกเอะ (Kawagoe Festival Museum)

ศศิมา ชัยชูลี

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะไม่เพียงแต่จัดแสดงเรื่องราวของเทศกาลคาวาโกเอะ (Kawagoe Hikawa Festival) เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมและความเชื่อที่สืบทอดมานานหลายศตวรรษ พิพิธภัณฑ์ถ่ายทอดทั้งบรรยากาศ ประวัติศาสตร์ และความศรัทธาที่ชาวคาวาโกเอะมีต่อศาลเจ้าฮิคาวะ อีกทั้งยังนำเสนอความยิ่งใหญ่ของขบวนเกี้ยว “ยาตาอิ” หรือดะชิ (Dashi) ที่โดดเด่นด้วยความวิจิตรตระการตา จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเมือง

ประวัติเทศกาลคาวาโกเอะ

เทศกาลคาวาโกเอะมีจุดเริ่มต้นที่ย้อนกลับไปไกลถึงปี ค.ศ. 1648 ในช่วงสมัยเอโดะ อันเป็นยุคที่ญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองทางสังคมและวัฒนธรรม มัตสึดะ อิซุโนะคามิ โนบุสึนะ (Matsudaira Nobutsuna) เจ้าเมืองคาวาโกเอะในเวลานั้นได้เล็งเห็นความสำคัญของการรักษาและส่งเสริมประเพณีท้องถิ่น จึงได้บริจาคอุปกรณ์และเครื่องประกอบพิธีต่าง ๆ ให้แก่ศาลเจ้าฮิคาวะ การกระทำนี้ไม่เพียงเป็นการสนับสนุนศรัทธาทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน โดยใช้พิธีกรรมและเทศกาลเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน

ในระยะแรก เทศกาลมีลักษณะเรียบง่าย เน้นการแห่มิโคชิ (ศาลเจ้าขนาดเล็กที่อัญเชิญเทพเจ้าออกมาให้ประชาชนสักการะ) และการแสดงพื้นบ้านที่จัดขึ้นโดยชาวบ้านในท้องถิ่น การแห่มิโคชิถือเป็นสัญลักษณ์ของการนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาสู่สาธารณะ เพื่อปกป้องชุมชนและอวยพรให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ขณะเดียวกันการแสดงพื้นบ้านก็สะท้อนถึงภูมิปัญญาและความสามารถในการสร้างสรรค์ของคนธรรมดาที่ใช้เสียงดนตรี การฟ้อนรำ และการละเล่นเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้คน เมื่อเวลาผ่านไป เทศกาลคาวาโกเอะค่อย ๆ พัฒนาและขยายขนาดขึ้นจากพิธีกรรมที่เรียบง่ายไปสู่ขบวนเกี้ยว (Dashi) ขนาดใหญ่ที่มีความอลังการ เกี้ยวเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะในการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเวทีที่แสดงออกถึงศิลปะหัตถกรรมชั้นสูง ทั้งงานแกะสลักไม้ที่ละเอียดอ่อน การประดับธงที่แฝงความหมายทางวัฒนธรรม และโคมไฟที่ให้แสงสว่างอย่างงดงามในยามค่ำคืน ทุกองค์ประกอบสะท้อนถึงความศรัทธา ความชำนาญของช่างฝีมือ และการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่ช่วยกันสร้างและดูแล

ตลอดระยะเวลากว่าสามศตวรรษ ความยิ่งใหญ่และความงดงามของเทศกาลคาวาโกเอะได้รับการยกย่องในวงกว้าง ทั้งในฐานะการแสดงออกทางศิลปะ การสืบสานประเพณี และการรวมพลังของผู้คนในท้องถิ่น จนในที่สุดในปี ค.ศ. 2016 เทศกาลนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Intangible Cultural Heritage) ร่วมกับเทศกาลเกี้ยวอีกหลายแห่งทั่วญี่ปุ่น การขึ้นทะเบียนดังกล่าวไม่เพียงเป็นการรับรองคุณค่าของเทศกาลในเชิงวัฒนธรรม แต่ยังทำให้เทศกาลคาวาโกเอะกลายเป็นสมบัติร่วมของมนุษยชาติที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และถ่ายทอดสืบต่อไปในระดับโลก

ภายในพิพิธภัณฑ์

เมื่อก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์เทศกาลคาวาโกเอะ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับการจำลองบรรยากาศของถนนพ่อค้าเก่าแก่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองคาวาโกเอะ ถนนเส้นนี้คือถนนหมายเลขหนึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าขายมาตั้งแต่สมัยเอโดะ อาคารบ้านเรือนที่เรียงรายตลอดสองข้างทางถูกออกแบบให้สะท้อนสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในอดีต ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงหลักของพิพิธภัณฑ์ สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์และดึงดูดสายตามากที่สุด คือการจัดแสดงเกี้ยวขนาดใหญ่หรือ “ดะชิ” (Dashi) ที่นำมาจัดแสดงหมุนเวียน 2 คัน เกี้ยวเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ของจำลองหรือการสร้างขึ้นใหม่ แต่เป็นเกี้ยวที่ใช้จริงในการแห่ในเทศกาลคาวาโกเอะ ซึ่งผ่านการดูแลรักษาและบูรณะอย่างพิถีพิถันเพื่อคงความงดงามไว้ เกี้ยวแต่ละคันตกแต่งอย่างอลังการด้วยงานแกะสลักไม้ที่แสดงให้เห็นถึงฝีมืออันละเอียดอ่อนของช่างฝีมือในสมัยโบราณ ประดับด้วยโคมไฟที่ให้แสงสว่างพลิ้วไหวในยามค่ำคืน ธงสีสันสดใส และเครื่องประดับที่สะท้อนสัญลักษณ์ทางความเชื่อและศรัทธาของชุมชน

นอกจากการจัดแสดงเกี้ยวแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังใช้สื่อสมัยใหม่อย่างการฉายภาพและวิดีโอในห้องฉาย เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศจริงของเทศกาล ผู้เข้าชมจะได้เห็นภาพขบวนแห่ที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ทั้งเสียงดนตรี การแสดงร่ายรำ และความสามัคคีของผู้คนในชุมชนที่เข้าร่วมในเทศกาล การฉายวิดีโอนี้ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเสมือนตนเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยพลังงาน ซึ่งช่วยเสริมให้การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไม่ได้เป็นเพียงการดูสิ่งของจัดแสดง แต่เป็นการดื่มด่ำไปกับประสบการณ์ที่มีชีวิตชีวา พิพิธภัณฑ์จึงเป็นมากกว่าสถานที่เก็บรักษาเกี้ยวหรือสิ่งของทางประวัติศาสตร์ หากแต่ทำหน้าที่เป็นเวทีในการถ่ายทอดบรรยากาศ วัฒนธรรม และความทรงจำร่วมของผู้คนในเมืองคาวาโกเอะให้คงอยู่และส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง

วงดนตรีและการแสดง

อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้เทศกาลคาวาโกเอะมีชีวิตชีวาและแตกต่างจากเทศกาลอื่น ๆ คือเสียงดนตรีจากวง “ฮายาชิ” (Hayashi) วงดนตรีพื้นบ้านที่ประกอบไปด้วยนักดนตรี 5 คน ได้แก่ ผู้เป่าขลุ่ย 1 คน มือกลองใหญ่ 1 คน มือกลองเล็ก 2 คน และมือฉาบ 1 คน เครื่องดนตรีเหล่านี้อาจดูเรียบง่าย แต่เมื่อบรรเลงร่วมกันกลับสร้างจังหวะและเสียงที่ดังก้องกังวาน สร้างบรรยากาศคึกคักและดึงดูดผู้คนให้เข้ามามีส่วนร่วมในงานอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้วงฮายาชิโดดเด่นยิ่งขึ้นคือการแสดงที่ผสมผสานดนตรีเข้ากับการร่ายรำบนเกี้ยว นักรำจะสวมหน้ากากที่มีลักษณะเป็นสัตว์หรือเทพเจ้าในตำนาน เช่น จิ้งจอกที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของปัญญา สิงโตที่แทนพลังอำนาจ หรือเทพเจ้าที่เป็นตัวแทนของความศักดิ์สิทธิ์และความคุ้มครอง การร่ายรำเหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเพลิดเพลินแก่ผู้ชม แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สะท้อนความเชื่อและความศรัทธาของชาวคาวาโกเอะ

บรรยากาศของงานจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อเกิดการ “ประชันดนตรี” หรือที่เรียกว่า “ฮิกาวะเสะ” (Hikkawase) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกี้ยวจากหมู่บ้านต่าง ๆ เคลื่อนมาพบกัน และวงดนตรีที่อยู่บนเกี้ยวแต่ละคันจะบรรเลงประชันเสียงกันอย่างดุเดือด เสียงกลองที่กระหึ่ม เสียงขลุ่ยที่แหลมกังวาน และเสียงฉาบที่ดังประสานกันก่อให้เกิดพลังงานที่สะกดผู้ชม ไม่มีการตัดสินว่าใครแพ้หรือชนะ เพราะหัวใจสำคัญคือการปลดปล่อยพลังงาน ความสนุกสนาน และการสร้างความสามัคคีของผู้คนที่มาร่วมงาน การแสดงของวงฮายาชิและการประชันดนตรีนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้เทศกาลคาวาโกเอะไม่เพียงแต่เป็นงานเฉลิมฉลอง หากแต่เป็นพิธีกรรมที่เชื่อมโยงผู้คน ศรัทธา และศิลปวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น สร้างทั้งความศักดิ์สิทธิ์และความรื่นเริงในเวลาเดียวกัน

พิพิธภัณฑ์เทศกาลคาวาโกเอะจึงไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเป็นสถานที่จัดแสดงเกี้ยวหรือสิ่งของประกอบพิธีกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณ ความศรัทธา และความภาคภูมิใจของชาวคาวาโกเอะที่สืบทอดกันมากว่า 370 ปี ภายในพื้นที่แห่งนี้ ผู้มาเยือนจะได้เข้าใจถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่ผูกพันผู้คนเข้ากับศาลเจ้าฮิคาวะและกับเมืองทั้งเมือง นอกจากเกี้ยวอันงดงามที่สะท้อนฝีมือการสร้างสรรค์ของช่างโบราณแล้ว พิพิธภัณฑ์ยังนำเสนอองค์ความรู้ที่หลากหลาย ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของเทศกาลที่สัมพันธ์กับสมัยเอโดะ ไปจนถึงศิลปะการแกะสลักไม้ดั้งเดิมที่แฝงความเชื่อเชิงสัญลักษณ์ และดนตรีพื้นบ้านที่บรรเลงโดยวงฮายาชิซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของงานเทศกาล ทุกองค์ประกอบถูกถักทอเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเรื่องเล่าที่มีพลังทางวัฒนธรรม เหนือสิ่งอื่นใด พิพิธภัณฑ์ยังถ่ายทอดบรรยากาศแห่งความสามัคคีของผู้คนที่ร่วมแรงร่วมใจสร้างและรักษาประเพณีนี้ไว้ เทศกาลคาวาโกเอะไม่เคยเป็นเพียงการเฉลิมฉลอง แต่คือการแสดงออกถึงความผูกพันทางสังคมและจิตวิญญาณของชุมชน การเดินชมภายในพิพิธภัณฑ์จึงเปรียบเสมือนการเดินเข้าสู่หัวใจของเมืองคาวาโกเอะ ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ เข้าใจ และซาบซึ้งถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน


ส่วนหนึ่งของโครงการ โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ Global Problem Based Learning (gPBL) in Tokyo ร่วมกับมหาวิทยาลัย Shibaura Institute of Technology จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25  กรกฎาคม  2568 ถึงวันที่ 3  สิงหาคม  2568  ณ มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้รับทุนจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Shibaura Institute of Technology