Menu Close

ซูโจว: เมืองแห่งเส้นไหม และความละเมียดละไมของฝีเข็ม Suzhou: City of Sink and Subtle Stitches

ซูโจว: เมืองแห่งเส้นไหม และความละเมียดละไมของฝีเข็ม
Suzhou: City of Sink and Subtle Stitches

ฐิติพร ภูจัตตุ

“ศิลปะการปักผ้าในประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในแขนงหัตถกรรมดั้งเดิมที่สะท้อนทั้งความเชี่ยวชาญ ฝีมือ และรสนิยมทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ในจำนวนศิลปะปักผ้าหลายแขนงที่มีอยู่ทั่วจีน “ซูโจวซิ่ว” (苏绣) หรือ การปักผ้าซูโจว ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในงานปักที่ประณีตและมีชื่อเสียงมากที่สุด โดยเป็นมรดกตกทอดจากเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู อันมีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมยาวนานหลายพันปี”

ซูโจวซิ่ว (苏绣): ศิลปะการปักอันวิจิตรแห่งเมืองซูโจว

ซูโจวซิ่ว มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปอย่างน้อยกว่า 2,000 ปี โดยปรากฏหลักฐานในราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 220) ที่บ่งบอกว่ามีการผลิตไหม และงานปักในพื้นที่ซูโจว และได้ถูกพัฒนามาจนถึงสมัย ราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) และ ราชวงศ์หมิงและชิง (ศตวรรษที่ 14–19) ซูโจวซิ่วได้พัฒนาไปถึงจุดสูงสุด ทั้งในด้านฝีมือ เทคนิค ความละเมียดละไม และสมจริง ทำให้เป็นที่นิยมจนกลายเป็นของล้ำค่าประจำราชสำนัก ซูโจวซิ่วถูกใช้ทั้งในเครื่องแต่งกายชนชั้นสูง เครื่องประดับภายในตำหนัก และ ของบูชาทางศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องที่แสดงออกถึงสถานะทางสังคม

ภาพถ่ายงานปักเครื่องแต่งกายของชนชั้นสูง พิพิธภัณฑ์ซูโจว ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2025

ภาพถ่ายงานปักเครื่องแต่งกายของชนชั้นสูง พิพิธภัณฑ์ซูโจว ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2025

สิ่งที่ทำให้การปักผ้าซูโจวโดดเด่นเหนือแขนงอื่น คือความ ละเมียดละไม ประณีต และสมจริงในระดับสูง โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

การใช้เส้นไหม:    การปักซูโจวซิ่วมักใช้ไหมธรรมชาติจากซูโจว ซึ่งมีความเงางาม และละเอียด ช่างปั่นไหมสามารถแยกเส้นไหมได้ถึง 1/16 ของเส้นปกติ เพื่อให้สามารถปักลายที่ละเอียด และกลมกลืนเป็นเส้นเดียวกันได้

เทคนิคการปัก:    เทคนิค ปักซ้อนสี (Color Layering) เพื่อสร้างแสงเงาและมิติของงานปัก และเทคนิคปักด้านเดียว และสองด้าน (Single-sided / Double-sided embroidery) เทคนิคขั้นสูงที่ลวดลายทั้งสองด้านเหมือนกันทุกประการ ไม่มีรอยปมใด ๆ เทคนิคการใช้ฝีเข็ม หลากหลายรูปแบบ เช่น เข็มตรง เข็มเฉียง เข็มทแยง เพื่อควบคุมทิศทางและแสงสะท้อนของไหม

รูปแบบและแรงบันดาลใจ:  ลวดลายได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ นก ปลา ผีเสื้อ ไปจนถึง ทิวทัศน์จีนแบบคลาสสิก

ทำให้งานปักมีลักษณะเหมือน “ภาพวาดด้วยเส้นไหม” (Painting with silk threads) ซึ่งเน้นความสมจริง และความสมดุลขององค์ประกอบ

ภาพถ่ายแสดงถึงความละเอียดของเส้นไหม และเทคนิคงานปักซ้อนสี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ,
Jinji Lake Pavilion ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2025

ภาพถ่ายแสดงถึงความละเอียดของเส้นไหม และเทคนิคงานปักซ้อนสี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ,
Jinji Lake Pavilion ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2025

ภาพถ่ายแสดงถึงรายละเอียดการใช้ฝีเข็มเพื่อคุมทิศทางของเส้นไหม ที่ไร้รอยปม และความเงางามของเส้นไหม, Jinji Lake Pavilion ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2025

“ซูโจวซิ่วไม่ได้เป็นเพียงของตกแต่ง หรือของใช้เพื่อแสดงออกถึงฐานะทางสังคมเท่านั้น
แต่ยังแฝงอยู่ในหลายแง่มุมของชีวิตวัฒนธรรมจีน ความเชื่อ และแสดงออกถึงอาชีพของผู้หญิงในครัวเรือนมาแต่โบราณ
ที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของผู้หญิงในศิลปะจีน”

แม้โลกยุคใหม่จะเต็มไปด้วยเครื่องจักร และสินค้าสำเร็จรูป แต่ซูโจวซิ่วยังคงได้รับการสืบทอด และพัฒนาในรูปแบบร่วมสมัย เช่น มีการเปิด สถาบันซูโจวซิ่ว (Suzhou Embroidery Research Institute) ซึ่งเป็นทั้งศูนย์ฝึกสอนและเก็บรวบรวมผลงานดั้งเดิม มีศิลปินร่วมสมัยนำผ้าปักซูโจวมาสร้างงาน ศิลปะจัดวาง ออกแบบแฟชั่นร่วมสมัย หรือ ของตกแต่งภายใน  ที่มีการจัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์ซูโจว หรือร้านงานฝีมือท้องถิ่นในเมืองเก่า

นอกจากนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจีน (Intangible Cultural Heritage) ในหมวดศิลปะงานหัตถกรรมดั่งเดิม อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.2006

ซูโจวซิ่วไม่ใช่เพียงแค่ผ้าปักหรูหรา แต่เป็นมรดกของวัฒนธรรม ที่ผสานความประณีตทางศิลปะ เข้ากับภูมิปัญญาของชุมชนท้องถิ่น จากเส้นไหมธรรมดา เมื่อผ่านฝีมือของช่างปักซูโจว จึงกลายเป็น “งานศิลป์บนผืนผ้า” ที่สื่อสารทั้งอารมณ์ ประวัติศาสตร์ และจิตวิญญาณของชาติพันธุ์จีน


ส่วนหนึ่งของโครงการ Living Water ครั้งที่ 2 Architectural Interventions of the Canals City in Suzhou จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ถึง 3 มิถุนายน 2568 ณ เมืองซูโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ความร่วมมือระหว่างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Xi’an Jiaotong-Liverpool University (XJTLU) ได้รับทุนจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ KUSCI สำหรับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ