บนฟ้ามีสวรรค์ บนแผ่นดินมีซูโจวและหางโจว—การเรียนรู้ผ่านสถาปัตยกรรมในเมืองแห่งสายน้ำ

เมื่อสวรรค์อยู่บนฟ้า เมืองซูโจวและหางโจวก็เปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวิร์กชอป “Architectural Interventions of the Canals City in Suzhou” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม ถึง 3 มิถุนายน 2568 ณ เมืองซูโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ความร่วมมือในครั้งนี้ระหว่างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Xi’an Jiaotong-Liverpool University (XJTLU) เปิดเวทีให้นิสิตระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาจากทั้งสองสถาบัน รวมถึงนักศึกษานานาชาติ ได้เรียนรู้ผ่านการลงพื้นที่จริงและทำงานร่วมกันในบริบทของเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตร่วมสมัย

รูปแบบการทำงานของเวิร์กชอปเน้นการสร้างประสบการณ์ตรง โดยแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มผสมระหว่างไทย-จีน-นานาชาติ และได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ทั้งสองประเทศอย่างใกล้ชิด กิจกรรมภาคสนามเน้นการศึกษา คูเมืองชั้นนอกด้านทิศเหนือของเมืองซูโจว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความซ้อนทับระหว่างมรดกประวัติศาสตร์และการพัฒนาเมืองร่วมสมัย โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตที่ได้รับอิทธิพลจากระบบนิเวศของ ทะเลสาบจินหู (Jinhu Lake ecosystem) นอกจากนี้ โครงการยังขยายกรอบการเรียนรู้โดยเปรียบเทียบบริบทน้ำในเมืองซูโจวกับ ชุมชนเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมในเมืองชิงปูและจินเซน ชานเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งยังคงรักษารูปแบบชุมชนอนุรักษ์และการจัดการน้ำในระดับท้องถิ่นไว้ได้อย่างน่าสนใจ

กิจกรรมนี้ไม่เพียงเป็นการเรียนรู้ด้านสถาปัตยกรรม แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงภูมิปัญญาและบริบทวัฒนธรรม ผ่านการออกแบบที่ตอบสนองต่อสภาพจริง และมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในระดับชุมชนในอนาคต ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนรู้แนวคิดหลากหลายจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในวงการสถาปัตยกรรมระดับนานาชาติ 5 ท่าน โดยแต่ละหัวข้อเชื่อมโยงบริบทวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ และการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างลึกซึ้ง
1. Kulthida Songkittipakdee (H A S design and Research) หัวข้อ “Architecture of Hope, Soul, and Nature” ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากความหวัง ความผูกพันทางจิตวิญญาณ และธรรมชาติในการออกแบบสถาปัตยกรรม
2. Assoc. Prof. Yiwen Wang หัวข้อ “Traces of Flow: Mapping the Past, Designing the Future” พาผู้ฟังย้อนรอยประวัติศาสตร์ผ่านแผนที่และสายน้ำ เพื่อนำสู่การออกแบบอนาคตของซูโจวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
3. Asst. Prof. Monjoo Baek หัวข้อ “Revitalize Suzhou’s Canal: Enhancing Sustainable Cultural Heritage Awareness via Participatory Workshop” เน้นการฟื้นฟูคลองในซูโจวผ่านเวิร์กชอปมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้ต่อมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนผ่านงานศิลปะ
4. Asst. Prof. Patiphol Yodsurang หัวข้อ “Community – Heritage Ecosystem: Riverine Cultural Landscape” เสนอแนวคิดนิเวศน์ชุมชนริมน้ำที่เป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่มีชีวิตซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างคน น้ำ และพื้นที่
5. Assoc. Prof. Teo Hidalgo Nacher ปิดท้ายด้วยการสรุปภาพรวมของกิจกรรม พร้อมชี้ให้เห็นถึงการออกแบบเชิงกลยุทธ์ในเมืองมรดกน้ำผ่านประสบการณ์ร่วม

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดและผลลัพธ์ผ่านการนำเสนอผลงาน Studio Design และการเยี่ยมชม Fab Lab Workshop ร่วมกับนิสิตและอาจารย์จาก XJTLU
ในส่วนของทัศนศึกษา ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสสถานที่สำคัญของเมืองซูโจว ได้แก่ Humble Administrator’s Garden, Lion Forest Garden, และ ถนนโบราณผิงเจียง (Pingjiang Road) รวมถึง พิพิธภัณฑ์ซูโจว (Suzhou Museum) ผลงานชิ้นสุดท้ายอันเป็นที่รักยิ่งของ I.M. Pei, Jinji Lake Pavilion และ Museum of Contemporary Art (MOCA) Suzhou โดยกลุ่ม BIG, Suzhou Museum of Imperial Kiln Brick ออกแบบโดย Liu Jiakun เจ้าของรางวัล Pritzker Prize 2025, West Bund Museum โดย David Chipperfield, และ Power Station of Art อาคารโรงไฟฟ้าเก่าที่ได้รับการปรับปรุงโดย TJAD Original Design Studio เพื่อจัดแสดงนิทรรศการ “I.M. PEI: Life is Architecture” นอกจากนี้ คณะยังได้เข้าร่วมชม เทศกาลแข่งเรือมังกรแห่งซูโจว ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลวัฒนธรรมที่ยังสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับสายน้ำได้อย่างชัดเจน